วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Chapter 2 กู้ดมอนิ่งทีเชอร์ แอมฟาย แตงกิ้ว แอนนยูววส์







หลายๆคนคงจะคุ้นหูกันมาตั้งแต่เด็กๆ สำหรับประโยคทักทาย ภาษาอังกฤษแบบไทยแลนด์โอนลี่ ตามที่คุณครูสอนเรามาตั้งแต่เด็กๆ สมัยยังละอ่อน


เมื่อคุณครูภาษาอังกฤษก้าวเท้าข้างแรกเข้าห้อง ผู้รับตำแหน่งหัวหน้าชั้นก็ต้องรีบกล่าวคำว่า

"Stand up Please" "


ทุกคนในห้องก็จะยืนขึ้นพร้องประสานเสียงกล่าวคำว่า

"Good morning teacher" "How are you today?"

"I'm fine, thank you. And you?"


เชื่อแน่ๆ ว่าบางคนต่อให้ไม่สบายก็ยังตอบว่า I'm fine อยู่ดี จริงมั้ยยย ฮ่าาาๆ

งั้นเรามาลบประโยคเดิมๆ เหล่านี้ แล้วลองหาประโยคทักทาย แบบใหม่ๆ บ้างดีกว่า


ต่อไปนี้จะเป็นคำทักทายในภาษาอังกฤษ ที่มีใช้กันในชีวิตประจำวัน

Good morning สวัสดี (เช้าถึงเที่ยงวัน)
Good afternoon สวัสดี (หลังเที่ยงวันถึงช่วงเย็น)
Good evening สวัสดี (ช่วงเย็นถึงกลางคืน)
Good day สวัสดี (ตลอดวัน)
Hello/Hi สวัสดี (เพื่อนหรือคนรู้จักทั่วไป)

ส่วนประโยค How are you? นั้น สามารถพูดในแบบอื่นๆ ที่ใช้กันบ่อยๆ ดังนี้

How are you going? (แบบชาวอังกฤษ)
How are you doing? (แบบชาวอเมริกัน)
How’s it going? (เน้นความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน)
How have you been? (ในกรณีนาน ๆ เจอกันที)

การตอบ อย่างเช่น

(I'm) fine, thanks. And you? สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ
Good. สบายดี
Very well สบายดีมาก
I'm O.K. ก็ดี
So so. ก็งั้น ๆ
Not (too) bad ก็ไม่เลว
Great! เยี่ยม, วิเศษ

การกล่าวลา 

See you again….. พบกันใหม่ ….. (เป็นทางการ) เช่น
(เช่น See you again tomorrow/next time/next week/next month/next year/on Monday)
See you later/soon/then. เดี๋ยวเจอกันนะ
Have a nice day/time. โชคดีนะ/วันนี้ขอให้มีความสุขนะ
Have a nice holiday/weekend. ขอให้มีความสุขในวันหยุด/วันสุดสัปดาห์นะ
Have a good time. ขอให้มีความสุขนะ/ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ
Have a good/nice trip ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ
Take care (of yourself) ดูแลตัวเองด้วย
Sweet dreams / Sleep well ฝันดีนะ/นอนหลับให้สบายนะ
Good luck./Be successful. โชคดี/ขอให้ประสบความสำเร็จ
Good night. ราตรีสวัสดิ์/ไปแล้วนะ (ใช้ลาตอนกลางคืน)
Good bye/Bye ไปแล้วนะ/ไปล่ะ

เหนมั้ยล่ะ หลังจากนี้ก็ไม่ต้องพูดทักทายกันในประโยคเดิมๆอีกแล้ว เพียงแค่เลือกแต่ละประโยคมาใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละโอกาส กับแต่ละบุคคล เพียงแค่นี้ เราก็เก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาอีกขึ้นนึงแล้ว

หวังว่าทุกคนที่ได้อ่านจะนำสาระความรู้ที่ได้รับ ไปประยุกต์ใช้ ให้เป็นประโยชน์
และอย่าลืมว่า อย่าหยุดที่จะค้นหาความรู้ใหม่ๆให้ตัวเองตลอดเวลา แม้เพียงครั้งละเล็กๆน้อยๆ แต่วันหนึ่ง เราก็จะกลายเป็นคนที่มีความรู้มากมาย เป็นคนที่เก่งได้ในที่สุด

อย่าลืมติดตามกันในบทต่อไปนะจ้ะ ^^







Chapter 1 INTRO O O O อินโทร ร ร



       ก่อนจะเริ่มเรียนกันจริงจัง เรามาทำความรู้จักความภาษาอังกฤษกันคร่าวๆ ซักหน่อยก่อนดีกว่า
จะว่าไป ภาษาอังกฤษก็ไม่ต่างจากภาษาไทยนักหรอก

"ภาษาไทยมี คำนาม กริยา  วิเศษณ์ ...ฯลฯ" "ENGLISH ก็มี noun  verb adjective...เหมือนกัน"

"ภาษาไทยมี การบอกเวลา อนาคต(จะ) อดีต(เคย) ปัจจุบัน กำลัง(ดู กิน เดิน นั่ง นอน)... ด้วยนะ"
"ENGLISH ก็มีสิ่งที่เรียกว่า Tense ไง ก็ Present , Past , Future (simple, continuous) ต่างๆนั่นไงล่ะ"

"เอ้ะ!!! แต่เคยได้ยินมาว่าภาษาอังกฤษ แปลจากหลังมาหน้านะ"
"นั่นมันเฉพาะกรณี คำวิเศษณ์ที่ขยายคำนามเฉยๆ อย่างเช่น "red flower" (วิเศษณ์+นาม) แปลว่า ดอกไม้สีแดง (แปลจากหลังมาหน้าไง)"

แต่ถ้าเป็นประโยค ก็แปลตาม ประธาน กริยา กรรม จากหน้าไปหลัง เหมือนกับภาษาไทยนั่นและ

เอาเป็นว่าสำหรับ บทที่ 1 นี้ มาเล่าแค่นี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะหันกลับไปเบื่อภาษาอังกฤษกันอีกรอบซะก่อน
สำหรับบทถัดไป จะเป็นเรื่องอะไร โปรดติดตามชมกันนะคร้าบบบบบ++

SAY HELLO

'Hello'



        ภาษาอังกฤษ นับว่าเป็นเครื่องมือที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันก็ว่าได้ แถมสมัยนี้จะไปไหนมาไหน ไปห้างสรรพสินค้า ไปดูหนัง ไปเที่ยว สนามบิน ต่างประเทศ รอบๆตัวเราเต็มไปด้วยภาษาอังกฤษก็ว่าได้
        หลายๆคน ไม่กล้าที่จะพูดเมื่อฝรั่งมาถาม หลายๆคนรู้สึกกังวลกับการออกเสียง พูดภาษาอังกฤษ และอีกหลายต่อหลายคนยังคงคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ยากเกินไป

ต่อไปนี้ ลืมความคิดเหล่านั้นไปได้แล้วนะจ้ะ

     เพราะว่า EASY ENGLISH จะทำให้ทุกๆคน รู้สึกว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่อะไรที่ยากอีกต่อไป


การคุยกับฝรั่งก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

การลองดูหนังซาวน์แทรกดูบ้าง มันก็ไม่เห็นจะงง

ลองสังเกตคำศัพท์จากป้ายจราจร ป้ายประกาศต่างๆรอบๆตัว ในห้าง ในสนามบิน ต่างก็เป็นคำที่รู้จัก


บล็อกนี้ จะเป็นส่วนเล็กๆ ที่คอยมอบความรู้ภาษาอังกฤษให้ทุกคนที่สนใจ บางคนอาจไม่มีเวลาว่างไปนั่งเรียนเป็นคอร์ส บางคนอาจอยากศึกษาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเอง  ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว

ผู้จัดทำบล็อกนี้หวังสิ่งตอบแทนเพียงความสุขเล็กๆ ของผู้อ่านทุกท่าน ก็พอแล้วจ้ะ